13 รังสีเอ็กซ์
เรินต์เกน (Wilhelm
Konrad Roentgen ) นักฟิสิกส์ชาวเยอรมัน ได้พบรังสีเอกซ์ โดยบังเอิญ
ในปีพ.ศ. 2438 (ค.ศ. 1895 ) ในขณะที่กำลังทดลองเกี่ยวกับรังสีแคโทด
เรินท์เกน คลุมหลอดทดลองด้วยกระดาษดำในห้องทดลองที่มืด ขณะที่ประจุเคลื่อนที่ในหลอด เขาสังเกตเห็นแสงเรืองขึ้นบริเวณโต๊ะที่ทำการทดลอง แสดงว่าจะต้องมีรังสีบางชนิดที่มอง ไม่เห็นและสามารถทะลุออกมาจากหลอดแคโทด ซึ่งแสดงว่ามีอำนาจทะลุทะลวงสูง รังสีนี้เขาตั้งชื่อว่า X – ray
คุณสมบัติของรังสีเอกซ์
1. ไม่เบี่ยงเบนในสนามแม่เหล็กและสนามไฟฟ้า
2. เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความยาวคลื่นสั้นมาก
1.
มีอำนาจทะลุทะลวงสูง
2.
ทำให้ก๊าซแตกตัวเป็นไอออนได้
3.
ทำให้สารเรืองแสงเกิดสารเรืองแสงได้
4.
ทำปฏิกิริยากับแผ่นฟิล์ม
5.
รังสีเอกซ์มีอันตรายและทำลายเซลล์ของสิ่งมีชีวิตได้
6.
เมื่อรังสีเอกซ์
กระทบบนแผ่นโลหะสามารถทำให้เกิดปรากฏการณ์โฟโตอิ
เล็กทริกได้ ทำให้อิเล็กตรอนหลุดออกมาด้วยความเร็ว 6 x105 ถึง 8.3 x 105 เมตร/วินาที
การเกิดรังสีเอกซ์
การเกิดรังสีเอกซ์เกิดจากอิเล็กตรอนวิ่งเข้าชนอะตอมของเป้าทังสเตนแล้วหยุด
จะปลดปล่อยรังสีเอกซ์ที่มีพลังงานสูงสุด
หรือเมื่ออิเล็กตรอนเคลื่อนที่ช้าลงจะปลดปล่อยพลังงานค่าต่างๆ
เมื่ออิเล็กตรอนวิ่งชนอะตอมของเป้าแล้วหยุด
พลังจลน์ทั้งหมดของอิเล็กตรอนจะเปลี่ยนเป็นพลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในรูปของรังสีเอกซ์ ดังนั้น
Ekmax =
eV = hfmax
เมื่อ lmin = ความยาวคลื่นของรังสีเอกซ์ (m)
h =
ค่าคงตังของแพลงค์
= 6.6 x 10-34 J/ S
e = ประจุของอิเล็กตรอน =
1.6 x 10-19 C
V =
ความต่างศักย์ที่ใช้เร่งประจุ =
200 x 103 V
c =
ความเร็วแสง = 3.0 x 108 m/s
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น